Xiaomi กำลังดำเนินการเพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานสำหรับลูกค้าของตน โดยการเพิ่มประสิทธิภาพเทคโนโลยี Fast Pair ของ Google บนอุปกรณ์เรือธงรุ่นล่าสุด การเคลื่อนไหวนี้ทำให้ Xiaomi อยู่ในระดับเดียวกับผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่รายอื่นๆ ในการปรับปรุงคุณสมบัติการเชื่อมต่อ
การใช้ประโยชน์จาก CHRE เพื่อการตอบสนองที่ดีขึ้น
ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีจากจีนได้นำการรองรับ Context Hub Runtime Environment (CHRE) มาใช้ในโทรศัพท์เรือธงปี 2024 ของตน รวมถึงซีรีส์ Xiaomi 14, 14T, 14T Pro และซีรีส์ POCO F6 CHRE เป็น API ของ Android ที่อนุญาตให้งานบางอย่างถูกส่งไปยังโคโปรเซสเซอร์ที่ประหยัดพลังงานสูง ซึ่งมักเรียกว่าเซ็นเซอร์ฮับหรือคอนเท็กซ์ฮับ
ด้วยการใช้ CHRE, Xiaomi สามารถปรับปรุงการตอบสนองของ Fast Pair ซึ่งเป็นโปรโตคอลของ Google สำหรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ Bluetooth อย่างรวดเร็ว การปรับปรุงนี้เห็นได้ชัดเจนเป็นพิเศษเมื่อหน้าจอของอุปกรณ์ปิดอยู่เป็นเวลานาน เนื่องจากโคโปรเซสเซอร์ที่ประหยัดพลังงานสูงสามารถสแกนหาการโฆษณา Fast Pair ได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ส่งผลกระทบต่อแบตเตอรี่อย่างมีนัยสำคัญ
รายละเอียดทางเทคนิค
การใช้งานของ Xiaomi รวมถึงการใช้ Nearby nanoapp ของ Google ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันขนาดเล็กที่ทำการค้นหา Fast Pair บนคอนเท็กซ์ฮับ nanoapp นี้ถูกคอมไพล์มาโดยเฉพาะสำหรับคอนเท็กซ์ฮับของ MediaTek (รหัส tinysys) ที่พบในอุปกรณ์เช่น Xiaomi 14T Pro
การมีอยู่ของการรองรับ CHRE ได้รับการยืนยันผ่านการค้นพบว่าค่า android.hardware.context_hub เป็น true บนอุปกรณ์เหล่านี้ ซึ่งบ่งชี้ว่า Xiaomi ได้ทำงานร่วมกับ Google อย่างใกล้ชิดเพื่อรวมเทคโนโลยีนี้เข้ากับสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดของพวกเขา
ศักยภาพสำหรับการปรับปรุงในอนาคต
ในขณะที่ความสนใจในปัจจุบันอยู่ที่การปรับปรุงประสิทธิภาพของ Fast Pair การนำ CHRE มาใช้เปิดโอกาสสำหรับคุณสมบัติเพิ่มเติมในอนาคต ตัวอย่างเช่น Google ได้กล่าวถึงศักยภาพของ CHRE ในการเพิ่มประสิทธิภาพคุณสมบัติ Android อื่นๆ เช่น Quick Share แม้ว่าจะยังไม่ชัดเจนว่าได้มีการนำมาใช้แล้วหรือไม่
นอกจากนี้ การรองรับ CHRE อาจช่วยให้ Xiaomi สามารถเพิ่มคุณสมบัติขั้นสูงมากขึ้นในอนาคต เช่น การตรวจจับอุบัติเหตุทางรถยนต์ ซึ่งปัจจุบันมีใช้งานบนอุปกรณ์ Google Pixel
สิ่งนี้หมายความว่าอย่างไรสำหรับผู้ใช้
สำหรับผู้ใช้ Xiaomi การปรับปรุงนี้แปลเป็นประสบการณ์ที่ราบรื่นยิ่งขึ้นเมื่อจับคู่อุปกรณ์เสริม Bluetooth เช่น หูฟัง, สมาร์ทวอทช์ และอุปกรณ์อื่นๆ การตอบสนองที่ดีขึ้นหมายถึงเวลารอที่น้อยลงและการโต้ตอบกับอุปกรณ์ที่ลื่นไหลมากขึ้น
ในขณะที่ Xiaomi ยังคงผลักดันขอบเขตของเทคโนโลยีสมาร์ทโฟน โดยมีแผนที่จะเปิดตัวซีรีส์ Xiaomi 15 ที่ใช้ Qualcomm Snapdragon 8 Elite SoC เห็นได้ชัดว่าบริษัทมุ่งมั่นที่จะปรับปรุงทั้งประสิทธิภาพและประสบการณ์ผู้ใช้ในผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของตน
การพัฒนานี้แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทของ Xiaomi ในการปรับแต่งแม้แต่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของประสบการณ์ผู้ใช้ ซึ่งตั้งมาตรฐานสูงสำหรับผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายอื่นๆ ในตลาด Android ที่มีการแข่งขันสูง