การอภิปรายเกี่ยวกับการสูญพันธุ์ของเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B Yamagata ได้พัฒนาไปสู่การถกเถียงที่กว้างขึ้นเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวิธีการต่างๆ ในการป้องกันการติดเชื้อทางเดินหายใจ โดยเฉพาะการเน้นที่การเสริมวิตามินดีเทียบกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่แบบดั้งเดิม
มุมมองเกี่ยวกับวิตามินดี
งานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน The BMJ ชี้ให้เห็นว่าการเสริมวิตามินดีสามารถให้ประโยชน์อย่างมีนัยสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อทางเดินหายใจ การวิเคราะห์อภิมานในผู้เข้าร่วมเกือบ 11,000 คนแสดงให้เห็นว่า:
- ผู้ที่ขาดวิตามินดีอย่างรุนแรง (ระดับในเลือดต่ำกว่า 10 ng/mL) มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเดินหายใจลดลงครึ่งหนึ่งเมื่อได้รับการเสริมวิตามิน
- แม้แต่ผู้ที่มีระดับวิตามินดีสูงกว่าก็ยังพบว่าความเสี่ยงลดลง 10% ซึ่งใกล้เคียงกับผลการป้องกันของวัคซีนไข้หวัดใหญ่แบบฉีด
- การเสริมวิตามินแบบรายวันหรือรายสัปดาห์ได้ผลดีกว่าการให้ขนาดสูงแบบเว้นระยะห่าง
![]() |
---|
งานวิจัยที่แสดงให้เห็นประโยชน์ของวิตามินดีในการป้องกันการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการอภิปรายเรื่องไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B Yamagata |
ประสิทธิภาพของวัคซีนและการครอบคลุมประชากร
ประสิทธิภาพของวัคซีนไข้หวัดใหญ่มีความแตกต่างกันอย่างมาก:
- มีประสิทธิภาพ 50-90% ในปีที่วัคซีนตรงกับสายพันธุ์ที่ระบาด
- มีประสิทธิภาพน้อยกว่า 50% ในปีที่วัคซีนไม่ตรงกับสายพันธุ์ที่ระบาด
- มีศักยภาพในการครอบคลุมประชากรได้กว้างกว่า เนื่องจากสามารถให้ได้กับคนเกือบทุกคน
แนวทางการผสมผสาน
ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์และนักวิจารณ์เสนอว่าทั้งสองวิธีต่างมีความสำคัญ:
- มาตรการด้านสุขภาพทั่วไป:
- รักษาระดับวิตามินดีให้เหมาะสม
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ อุดมด้วยผัก ผลไม้ และธัญพืช
- นอนหลับให้เพียงพอ
- จัดการความเครียด
- มีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมในเชิงบวก
- ** การแทรกแซงเฉพาะ:**
- วัคซีนที่มุ่งเป้าสำหรับสายพันธุ์เฉพาะ
- การติดตามระดับวิตามินดีอย่างสม่ำเสมอ
- คำแนะนำทางการแพทย์สำหรับการเสริมวิตามิน
บริบทปัจจุบัน
การอภิปรายนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสม เนื่องจากคำแนะนำเกี่ยวกับวัคซีนของยุโรปปี 2024/2025 ได้ตัดสายพันธุ์ B/Yamagata ออก ซึ่งไม่พบการติดเชื้อตั้งแต่ปี 2020 การเปลี่ยนแปลงการแพร่ระบาดของไวรัสนี้แสดงให้เห็นถึงพลวัตของการป้องกันโรคระบบทางเดินหายใจและความจำเป็นในการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์
ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์เน้นย้ำว่า แม้การรักษาระดับวิตามินดีให้เหมาะสมจะสำคัญต่อสุขภาพโดยรวม แต่ไม่ควรมองว่าเป็นสิ่งทดแทนวัคซีน แต่ควรเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางแบบองค์รวมในการดูแลสุขภาพและป้องกันโรค
หมายเหตุ: ควรปรึกษาผู้ให้บริการด้านสุขภาพก่อนเริ่มการเสริมวิตามินใดๆ เนื่องจากวิตามินดีเป็นฮอร์โมนและการให้วิตามินควรได้รับการติดตามอย่างเหมาะสม