Microsoft ก้าวกระโดดครั้งสำคัญในวงการคอมพิวเตอร์ระดับองค์กร ด้วยการเปิดตัว Windows Server 2025 ที่รองรับ CPU อย่างครอบคลุม พร้อมฟีเจอร์ขั้นสูงที่เน้นด้านความปลอดภัย การผสานการทำงานกับระบบคลาวด์ และความสามารถด้าน AI
การรองรับ CPU อย่างครอบคลุม
Windows Server 2025 แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นในการรองรับฮาร์ดแวร์อย่างน่าทึ่ง ตั้งแต่โปรเซสเซอร์ Pentium แบบสองคอร์ไปจนถึงโปรเซสเซอร์เซิร์ฟเวอร์ระดับไฮเอนด์ แพลตฟอร์มนี้รองรับผลิตภัณฑ์ Xeon รุ่นล่าสุดของ Intel รวมถึงชิป Granite Rapids และ Emerald Rapids แบบ 64 คอร์ที่ทรงพลัง ตลอดจนผลิตภัณฑ์ EPYC รุ่นใหม่ทั้งหมดของ AMD ตั้งแต่สถาปัตยกรรม Zen 2 จนถึง Zen 5 ความสามารถในการรองรับอย่างกว้างขวางนี้ทำให้องค์กรทุกขนาดสามารถติดตั้งระบบปฏิบัติการเซิร์ฟเวอร์ใหม่นี้บนโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ได้
สถาปัตยกรรมความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น
เพื่อตอบสนองต่อความท้าทายด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ในปัจจุบัน Microsoft ได้นำมาตรการรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่งมาใช้ใน Windows Server 2025 ระบบมาพร้อมกับ Active Directory ที่ได้รับการปรับปรุงด้วยการรองรับการเข้ารหัสที่ดีขึ้น โปรโตคอล Server Message Block (SMB) ที่แข็งแกร่งขึ้น และ Delegate Managed Service Accounts (dMSA) ใหม่สำหรับการจัดการรหัสผ่านและการกำกับดูแลที่เหนือกว่า การปรับปรุงด้านความปลอดภัยเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Microsoft ในการปกป้องสภาพแวดล้อมระดับองค์กร
การผสานการทำงานกับระบบคลาวด์และ AI
แพลตฟอร์มเซิร์ฟเวอร์ใหม่นี้แสดงให้เห็นถึงแนวคิดที่ก้าวล้ำของ Microsoft ด้วยฟีเจอร์ที่รองรับระบบคลาวด์และความสามารถด้าน AI ฟีเจอร์เด่นคือการแนะนำการแบ่งพาร์ทิชัน GPU ที่ช่วยให้จัดสรรทรัพยากรสำหรับงาน AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้แพลตฟอร์มยังมอบประสิทธิภาพการจัดเก็บข้อมูลที่ดีขึ้น โดยมี IOPs ของระบบจัดเก็บข้อมูล NVMe เพิ่มขึ้นถึง 60% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า Windows Server 2022
การปรับปรุงด้านการปฏิบัติการ
Microsoft ได้แนะนำความสามารถ 'hotpatching' สำหรับ Windows Server 2025 ช่วยให้องค์กรสามารถอัปเดตแอปพลิเคชันบนเครื่องกายภาพ เครื่องเสมือน และสภาพแวดล้อมมัลติคลาวด์ได้โดยมีเวลาหยุดทำงานน้อยที่สุด ฟีเจอร์นี้ เมื่อรวมกับการเปิดตัว System Center 2025 พร้อมกัน ทำให้ผู้ดูแลระบบมีเครื่องมือที่ครอบคลุมสำหรับการจัดการการติดตั้งระบบขนาดใหญ่ รวมถึงการจัดการแพตช์ การกระจายซอฟต์แวร์ และการควบคุมการตรวจสอบ
การสนับสนุนและการพัฒนาในระยะยาว
Microsoft ได้ให้คำมั่นที่จะสนับสนุน Windows Server 2025 เป็นเวลาสิบปีข้างหน้า เพื่อความมั่นคงในระยะยาวสำหรับการติดตั้งใช้งานระดับองค์กร นอกจากนี้ บริษัทยังสัญญาว่าจะขยายฟีเจอร์ใหม่ไปยังเวอร์ชันก่อนหน้า รวมถึง Server 2016, 2019 และ 2022 แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการรักษาและปรับปรุงระบบนิเวศเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดของพวกเขา