Intel กำลังเผชิญความท้าทายทางกฎหมายครั้งสำคัญ เมื่อบริษัทถูกฟ้องร้องแบบกลุ่มเกี่ยวกับปัญหาความไม่เสถียรในโปรเซสเซอร์ Raptor Lake รุ่นที่ 13 และ 14 ซึ่งอาจเพิ่มความยากลำบากให้กับยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีรายนี้
การท้าทายทางกฎหมาย
มีการยื่นฟ้องคดีแบบกลุ่มที่ศาลรัฐบาลกลางในเมือง San Jose รัฐแคลิฟอร์เนีย โดย Mark Vanvalkenburgh จากเมือง Orchard Park รัฐนิวยอร์ก โจทก์ได้ซื้อโปรเซสเซอร์ Intel Core i7-13700K จาก Best Buy ในเดือนมกราคม 2023 ในราคา 409 ดอลลาร์ แต่กลับประสบปัญหาความไม่เสถียร รวมถึงหน้าจอดับเองและระบบค้างแม้จะติดตั้งแพตช์อย่างเป็นทางการจาก Intel แล้วก็ตาม
ข้อกล่าวหาหลัก
คดีฟ้องร้องนี้มีข้อกล่าวหาร้ายแรงต่อการกระทำของ Intel โดยระบุว่าบริษัทรับทราบถึงข้อบกพร่องของโปรเซสเซอร์ผ่านการทดสอบทั้งก่อนและหลังการวางจำหน่ายตั้งแต่ปลายปี 2022 หรือต้นปี 2023 แม้จะทราบถึงปัญหานี้ Intel ยังคงทำการตลาดและขายโปรเซสเซอร์โดยเน้นย้ำถึงความเร็วและประสิทธิภาพ โดยไม่เปิดเผยปัญหาความไม่เสถียรที่อาจเกิดขึ้นแก่ผู้บริโภค
สาเหตุทางเทคนิค
Intel ได้ระบุว่าความไม่เสถียรนี้มีสาเหตุมาจากวงจรนาฬิกาภายใน IA core ที่มีความเสี่ยงต่อการล้มเหลวภายใต้สภาวะแรงดันไฟฟ้าและอุณหภูมิสูง ความล้มเหลวนี้ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรอบการทำงานของนาฬิกา นำไปสู่ความไม่เสถียรของระบบ แม้ว่า Intel จะออกแพตช์ไมโครโค้ดเพื่อป้องกันการเกิดปัญหาที่เรียกว่า Vmin shift instability แต่การแก้ไขนี้ไม่สามารถซ่อมแซมโปรเซสเซอร์ที่ได้รับผลกระทบไปแล้วได้
ปัญหาความเสถียรของโปรเซสเซอร์ Intel ท่ามกลางการแข่งขันในเทคโนโลยีการประมวลผลประสิทธิภาพสูง |
การตอบสนองและการขยายการรับประกันของ Intel
เพื่อตอบสนองต่อปัญหาที่แพร่หลาย Intel ได้ขยายระยะเวลารับประกันสำหรับโปรเซสเซอร์ Raptor Lake เพิ่มอีก 2 ปี และปรับปรุงกระบวนการ RMA (Return Merchandise Authorization) อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้อาจไม่เพียงพอที่จะทำให้ลูกค้าที่ได้รับผลกระทบพอใจ เนื่องจากการฟ้องร้องนี้ต้องการค่าชดเชยหลายรูปแบบ รวมถึงค่าเสียหายเชิงลงโทษ การคืนเงิน และการคืนผลกำไร
ผลกระทบในวงกว้าง
ความท้าทายทางกฎหมายนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับ Intel ซึ่งเพิ่งสูญเสียตำแหน่งในดัชนี Dow Jones ให้กับ Nvidia ผลของคดีฟ้องร้องนี้อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อชื่อเสียงและสถานะทางการเงินของบริษัทในตลาดโปรเซสเซอร์ที่มีการแข่งขันสูง