เครื่องเล่นเกมรุ่นใหม่ล่าสุดจาก Sony อย่าง PS5 Pro ได้วางจำหน่ายในตลาดแล้ว พร้อมการพัฒนาทางเทคโนโลยีที่น่าประทับใจ โดยเฉพาะในด้านการประมวลผลกราฟิกและความสามารถในการอัพสเกล แม้จะสัญญาว่าจะมอบประสบการณ์การเล่นเกมที่ดีขึ้น แต่ราคาที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความคุ้มค่าสำหรับเกมเมอร์ทั่วไป
เทคโนโลยี PSSR สุดปฏิวัติ
PS5 Pro แนะนำเทคโนโลยี PlayStation Spectral Super Resolution (PSSR) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการอัพสเกลที่สร้างความสนใจให้กับผู้เชี่ยวชาญในวงการ การวิเคราะห์จาก Digital Foundry เผยว่า PSSR มีประสิทธิภาพดีกว่า FSR 3 ของ AMD และใกล้เคียงกับ DLSS 3 ของ Nvidia โดยเฉพาะในแง่ของการลดขอบหยัก (anti-aliasing) และความเสถียรของภาพ เกมอย่าง Stellar Blade แสดงให้เห็นศักยภาพของ PSSR ด้วยการทำ 80fps พร้อม VRR ในโหมด Pro
การปรับปรุงประสิทธิภาพ
CPU และ GPU ที่อัพเกรดใหม่ของเครื่องมอบการปรับปรุงที่โดดเด่นในด้านประสิทธิภาพการเล่นเกม เกมยอดนิยมอย่าง Marvel's Spider-Man 2 และ The Last of Us II Remastered แสดงให้เห็นการเล่นที่ราบรื่นขึ้นทั้งในโหมด Fidelity Pro และ Performance Pro ความสามารถด้าน ray tracing ที่เพิ่มขึ้นโดดเด่นเป็นพิเศษในฉากเมือง สร้างเอฟเฟกต์แสงและการสะท้อนที่สมจริงมากขึ้น
โซลูชันด้านพื้นที่จัดเก็บ
การอัพเกรดที่สำคัญอีกอย่างคือ SSD ขนาด 2TB ที่ติดตั้งมาในเครื่อง แก้ไขข้อจำกัดหลักของ PS5 รุ่นแรก พื้นที่จัดเก็บที่เพิ่มขึ้นนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเก็บเกมได้มากขึ้นโดยไม่ต้องจัดการพื้นที่บ่อยๆ หรือต้องซื้อที่เก็บข้อมูลเพิ่มเติมทันที
การพิจารณาด้านราคา
PS5 Pro มาพร้อมราคาพรีเมียมที่ 699 ดอลลาร์สำหรับรุ่นดิจิทัล โดยมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับไดรฟ์ออปติคัล (79 ดอลลาร์) และขาตั้งแนวตั้ง (29 ดอลลาร์) ซึ่งจัดอยู่ในตลาดเกมมิ่งระดับไฮเอนด์ โดยมีราคาสูงกว่า PS5 รุ่นมาตรฐานถึง 200 ดอลลาร์ การลงทุนที่สูงนี้อาจยากที่จะคุ้มค่าสำหรับเกมเมอร์ทั่วไปที่พอใจกับประสิทธิภาพของ PS5 รุ่นปกติ
การประนีประนอมในโหมดเกม
แม้จะมีความสามารถที่เพิ่มขึ้น แต่ PS5 Pro ยังคงต้องให้ผู้ใช้เลือกระหว่างโหมดคุณภาพภาพและประสิทธิภาพในเกมส่วนใหญ่ แม้ว่าทั้งสองโหมดจะดีกว่า PS5 รุ่นมาตรฐาน แต่ความจำเป็นในการประนีประนอมระหว่างคุณภาพภาพและเฟรมเรทอาจทำให้ผู้ใช้บางคนผิดหวัง โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากราคาที่สูง
มุมมองในอนาคต
เทคโนโลยี PSSR ของ PS5 Pro แสดงให้เห็นถึงศักยภาพสำหรับการพัฒนาเกมในอนาคต และอาจเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการพัฒนาที่น่าประทับใจยิ่งขึ้นใน PlayStation รุ่นต่อไป แม้ว่าอาจจะยังไม่สามารถเทียบชั้นกับความสามารถของ PC ระดับไฮเอนด์ที่ใช้ DLSS 3 แต่ก็ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับเทคโนโลยีการเล่นเกมคอนโซล