Android 15 ที่กำลังจะเปิดตัวจาก Google ถือเป็นก้าวสำคัญของเทคโนโลยีมือถือ โดยนำเสนอฟีเจอร์ใหม่สองอย่างที่จะช่วยยกระดับทั้งประสบการณ์การแสดงผลและความสามารถในการนำทางภายในอาคาร นวัตกรรมเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Google ในการพัฒนาฟังก์ชันพื้นฐานของสมาร์ทโฟน พร้อมแก้ไขข้อจำกัดที่มีมายาวนานทั้งในด้านเทคโนโลยีการแสดงผลและระบบระบุตำแหน่งภายในอาคาร
รองรับ True Variable Refresh Rate (VRR)
Android 15 นำเสนอแนวทางใหม่ในการจัดการอัตรารีเฟรชของหน้าจอผ่านระบบ Adaptive Refresh Rate (ARR) ต่างจากจอ LTPO ในปัจจุบันที่สลับระหว่างอัตรารีเฟรชที่กำหนดไว้ล่วงหน้า การใช้งานแบบใหม่นี้ช่วยให้ปรับอัตรารีเฟรชได้อย่างต่อเนื่องภายในโหมดการแสดงผลเดียว ความก้าวหน้านี้เป็นไปได้ผ่าน Hardware Composer (HWC) HAL เวอร์ชัน 3 ที่อัปเดตใหม่ ซึ่งช่วยให้การเปลี่ยนผ่านราบรื่นขึ้นและอาจช่วยประหยัดพลังงานได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์นี้ต้องการฮาร์ดแวร์ที่รองรับโดยเฉพาะอุปกรณ์ที่ใช้โปรเซสเซอร์รุ่นใหม่อย่าง Snapdragon 8 Elite
ยกระดับการนำทางในอาคารด้วย Wi-Fi Ranging
การผสานเทคโนโลยี IEEE 802.11az (Wi-Fi Ranging) ใน Android 15 ถือเป็นการพัฒนาครั้งสำคัญของเทคโนโลยีระบุตำแหน่งภายในอาคาร มาตรฐานใหม่นี้สามารถระบุตำแหน่งได้แม่นยำในระดับต่ำกว่าหนึ่งเมตร โดยมีความแม่นยำถึง 0.4 เมตร ซึ่งพัฒนาขึ้นอย่างมากจากมาตรฐาน Wi-Fi RTT เดิม เทคโนโลยีนี้ทำงานบนช่องสัญญาณแบนด์วิดท์ที่กว้างขึ้นและรองรับย่านความถี่ 6GHz ทำให้มีความเสถียรและรองรับการใช้งานในอนาคตได้ดีกว่าโซลูชันที่มีอยู่เดิม การพัฒนานี้เปิดโอกาสใหม่สำหรับการใช้งานในธุรกิจค้าปลีกและการควบคุมสมาร์ทโฮม แต่ต้องการการรองรับจากทั้งฮาร์ดแวร์ของอุปกรณ์และจุดกระจายสัญญาณ
ข้อพิจารณาด้านการนำไปใช้และความเข้ากันได้
ฟีเจอร์ทั้งสองต้องเผชิญกับความท้าทายในการนำไปใช้ที่คล้ายกัน เนื่องจากต้องการการรองรับจากฮาร์ดแวร์เฉพาะจากผู้ผลิตอุปกรณ์ สำหรับ VRR อุปกรณ์ต้องรองรับ HWC HAL เวอร์ชัน 3 ในขณะที่ Wi-Fi Ranging ต้องการชิป Wi-Fi ใหม่ที่รองรับมาตรฐาน 802.11az นอกจากนี้ เพื่อให้ Wi-Fi Ranging ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จุดกระจายสัญญาณจะต้องอัปเดตเฟิร์มแวร์เพื่อรองรับโปรโตคอลใหม่ แม้จะมีข้อจำกัดในช่วงแรก แต่ฟีเจอร์เหล่านี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาความสามารถทางเทคนิคและประสบการณ์ผู้ใช้ของ Android