ในการถอยหลังครั้งสำคัญของความทะเยอทะยานด้านเกม live service ของ Sony เกมยิงมุมมองบุคคลที่สามอย่าง Concord ได้กลายเป็นหนึ่งในความล้มเหลวที่มีค่าใช้จ่ายสูงที่สุดของ PlayStation นำมาซึ่งบทเรียนสำคัญเกี่ยวกับการพัฒนาเกมและการตรวจสอบความต้องการของตลาด
ขนาดของความล้มเหลว
การพัฒนา Concord ถือเป็นการลงทุนขนาดใหญ่ โดยมีมูลค่าการพัฒนาเบื้องต้นประมาณ 200 ล้านดอลลาร์ ซึ่งยังไม่รวมค่าใช้จ่ายในการพัฒนาทั้งหมดและการซื้อลิขสิทธิ์ IP รวมถึงการซื้อ Firewalk Studios ผลงานของเกมแย่มากจน Sony ต้องตัดสินใจปิดตัวเกมเพียงแค่สองสัปดาห์หลังเปิดตัว โดยประมาณการว่าขายได้เพียง 25,000 ชุดเท่านั้น
การตอบสนองและบทเรียนของ Sony
Hiroki Totoki ผู้บริหารของ Sony ได้ยอมรับข้อผิดพลาดของบริษัทในการประชุมถาม-ตอบกับนักลงทุน เขาเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการมีกระบวนการตรวจสอบที่ครอบคลุมมากขึ้นและการทดสอบกับผู้ใช้ในระยะแรก บริษัทพบว่าโครงสร้างองค์กรแบบแยกส่วนอาจเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาและการประสานงานด้านการขายที่ราบรื่น ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการพัฒนาความร่วมมือระหว่างแผนกให้ดีขึ้น
อนาคตของกลยุทธ์ Live Service ของ Sony
แม้จะเกิดความล้มเหลวครั้งนี้ Sony ก็ไม่ได้ล้มเลิกความตั้งใจในการพัฒนาเกม live service แม้จะยอมรับว่าจุดแข็งของตนอยู่ที่เกมเล่นคนเดียวที่มี IP ที่พิสูจน์แล้ว บริษัทยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาเกม live service ต่อไป แต่จะใช้วิธีการที่รอบคอบมากขึ้นในการจัดการความเสี่ยง กลยุทธ์นี้น่าสนใจเป็นพิเศษเมื่อเทียบกับความสำเร็จของ Helldivers 2 อีกหนึ่งเกมที่ Sony เป็นผู้จัดจำหน่ายในช่วงเวลาเดียวกัน
มรดกทางความคิดสร้างสรรค์
โครงการ Concord จะทิ้งมรดกเล็กๆ ไว้ผ่านตอนแอนิเมชันที่กำลังจะมาถึงใน Amazon Prime Video ในซีรีส์ Secret Level Tim Miller ผู้สร้างซีรีส์ได้ชื่นชมความทุ่มเทของทีมพัฒนาและแสดงความประหลาดใจกับความล้มเหลวของเกม โดยชี้ให้เห็นถึงศักยภาพของโลกและตัวละครในเกมที่ตอนนี้จะได้เห็นเพียงผ่านแอนิเมชันนี้เท่านั้น
ผลกระทบต่อวงการ
กรณีศึกษานี้เป็นบทเรียนสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมเกมเกี่ยวกับความเสี่ยงและความท้าทายในการพัฒนาเกม live service ซึ่งเน้นย้ำถึงความสำคัญของการตรวจสอบตลาดในระยะแรก การทดสอบผู้ใช้อย่างครอบคลุม และความจำเป็นในการมีโครงสร้างการพัฒนาที่ยืดหยุ่นซึ่งสามารถปรับตัวตามผลตอบรับจากตลาดก่อนการเปิดตัวอย่างเต็มรูปแบบ