Oppo Reno 13 Series เปิดตัวแล้ว: แบตเตอรี่ใหญ่ขึ้น ดีไซน์พรีเมียม และประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น

BigGo Editorial Team
Oppo Reno 13 Series เปิดตัวแล้ว: แบตเตอรี่ใหญ่ขึ้น ดีไซน์พรีเมียม และประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น

Oppo ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนระดับกลางรุ่นล่าสุดในประเทศจีนอย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นการพัฒนาครั้งสำคัญของซีรีส์ Reno โดย Reno 13 series ใหม่นี้แสดงให้เห็นถึงความสมดุลระหว่างนวัตกรรมด้านการออกแบบและการปรับปรุงประสิทธิภาพ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Oppo ในการนำเสนอฟีเจอร์ระดับพรีเมียมในราคาที่แข่งขันได้

การพัฒนาด้านการออกแบบและคุณภาพการผลิต

Reno 13 series นำเสนอภาษาการออกแบบใหม่ด้วยด้านข้างที่เรียบและขอบมน โดยได้แรงบันดาลใจจากความสวยงามของสมาร์ทโฟนระดับเรือธง ตัวเครื่องประกอบด้วยเฟรมอลูมิเนียมอัลลอยและแผ่นกระจกด้านหลัง สร้างความรู้สึกพรีเมียมมากกว่ารุ่นก่อนหน้า Reno 13 รุ่นมาตรฐานมีความบางเพียง 7.24 มิลลิเมตร แม้จะมีแบตเตอรี่ที่ใหญ่ขึ้น แสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมของ Oppo ทั้งสองรุ่นได้รับการรับรองมาตรฐาน IP69, IP68 และ IP66 รับประกันการป้องกันน้ำและฝุ่นอย่างแข็งแกร่ง

เทคโนโลยีหน้าจอ

Reno 13 รุ่นมาตรฐานมาพร้อมหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.59 นิ้ว ในขณะที่รุ่น Pro มีหน้าจอขนาดใหญ่กว่าที่ 6.83 นิ้ว ทั้งสองรุ่นมีความละเอียดระดับ FHD+ และอัตรารีเฟรชที่ 120Hz เพื่อการแสดงผลที่ลื่นไหล หน้าจอทั้งสองรุ่นมาพร้อมเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอแบบออปติคอล และเทคโนโลยี PWM dimming ที่ปรับปรุงใหม่เพื่อลดอาการล้าตาระหว่างการใช้งานเป็นเวลานาน

คุณสมบัติ Reno 13 Reno 13 Pro
จอแสดงผล หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.59 นิ้ว หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.83 นิ้ว
แบตเตอรี่ 5,600 มิลลิแอมป์ชั่วโมง 5,800 มิลลิแอมป์ชั่วโมง
การชาร์จ ชาร์จสาย 80W, ไร้สาย 50W ชาร์จสาย 80W, ไร้สาย 50W
กล้องหลัก กล้องหลัก IMX890 50MP + กล้องมุมกว้าง 8MP กล้องหลัก IMX890 50MP + กล้องมุมกว้าง 8MP + กล้องซูม 50MP
ความหนา 7.24 มิลลิเมตร ไม่ระบุ
น้ำหนัก 181 กรัม ไม่ระบุ

ประสิทธิภาพและฮาร์ดแวร์

ทั้งสองรุ่นใช้ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 8350 ใหม่ล่าสุด ซึ่งถือเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่ใช้ชิปตัวนี้ ชิปดังกล่าวสัญญาว่าจะมอบประสิทธิภาพการเล่นเกมที่ดีขึ้น พร้อมประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่ดีขึ้น 10% และการเปลี่ยนผ่านที่ราบรื่นขึ้น 24% มีตัวเลือก RAM ตั้งแต่ 12GB ถึง 16GB และพื้นที่เก็บข้อมูลสูงสุดถึง 1TB นอกจากนี้ยังมีชิป X1 ที่ Oppo พัฒนาขึ้นเองเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเชื่อมต่อไร้สาย

ความสามารถด้านกล้อง

ทั้งสองรุ่นมีกล้องหลัก 50MP พร้อมเซ็นเซอร์ IMX890 และระบบกันสั่น OIS พร้อมกล้องมุมกว้าง 8MP รุ่น Pro มีจุดเด่นด้วยกล้องเทเลโฟโต้ 50MP เพิ่มเติม ที่ให้ความสามารถซูมออปติคอล 3.5 เท่า ซึ่งถือเป็นการอัพเกรดที่โดดเด่นจากรุ่นก่อนหน้าที่ซูมได้ 2 เท่า ส่วนกล้องหน้าของทั้งสองรุ่นเป็นความละเอียด 50MP สำหรับการถ่ายเซลฟี่ที่มีรายละเอียดสูง

แบตเตอรี่และการชาร์จ

ความจุแบตเตอรี่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยรุ่นมาตรฐานมีแบตเตอรี่ขนาด 5,600 mAh และรุ่น Pro มีขนาด 5,800 mAh ทั้งสองรุ่นรองรับการชาร์จแบบมีสาย 80W และการชาร์จไร้สาย 50W ทำให้มั่นใจได้ว่าสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้อย่างรวดเร็วเมื่อต้องการ

ตัวเลือกสี:

  • Reno 13: สีดำเที่ยงคืน, สีน้ำเงินกาแล็กซี่, สีม่วงผีเสื้อ
  • Reno 13 Pro: สีดำเที่ยงคืน, สีชมพูสตาร์ไลท์, สีม่วงผีเสื้อ

ซอฟต์แวร์และการวางจำหน่าย

ทั้งสองรุ่นใช้ระบบปฏิบัติการ ColorOS 15 บนพื้นฐานของ Android 15 มาพร้อมฟีเจอร์ทันสมัยรวมถึงการแชร์รูปภาพกับ iPhone แบบไร้รอยต่อและเครื่องมือถ่ายภาพที่เสริมด้วย AI ซีรีส์นี้เปิดให้สั่งจองแล้วในประเทศจีน และคาดว่าจะวางจำหน่ายทั่วโลกในเดือนมกราคม 2025 ราคาเริ่มต้นที่ ¥2,699 (ประมาณ 372 ดอลลาร์) สำหรับรุ่นพื้นฐาน และ ¥3,399 (ประมาณ 470 ดอลลาร์) สำหรับรุ่น Pro แต่คาดว่าราคาในต่างประเทศจะสูงกว่านี้