ในการประกาศที่สร้างความตื่นตะลึงให้กับวงการเทคโนโลยี Robin Li ซีอีโอของ Baidu ได้กล่าวอ้างว่าปัญหาการหลอนของ AI ได้รับการแก้ไขเกือบสมบูรณ์แล้วในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา ในการกล่าวสุนทรพจน์ที่งาน Harvard Business Review Future of Business Conference Li แสดงความมั่นใจในความแม่นยำของแชทบอทที่ใช้โมเดลขั้นสูง โดยระบุว่าผู้ใช้สามารถเชื่อถือคำตอบที่ได้รับได้แล้ว
อย่างไรก็ตาม มุมมองที่มองโลกในแง่ดีของ Li เกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของ AI กลับถูกตั้งข้อสงสัยจากผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมและผู้ใช้งาน หลายคนชี้ให้เห็นว่าแม้จะมีการพัฒนาขึ้น แต่ปัญหาการหลอนของ AI ยังห่างไกลจากการแก้ไขได้สมบูรณ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีส่วนใหญ่เห็นพ้องว่า LLM (Large Language Models) ยังคงต้องการการตรวจสอบจากมนุษย์ โดยเฉพาะสำหรับคำถามที่ซับซ้อนหรือในการใช้งานที่สำคัญ
ควบคู่ไปกับคำกล่าวที่สร้างความขัดแย้งเกี่ยวกับความแม่นยำของ AI Li ได้วาดภาพที่น่าตกใจเกี่ยวกับอนาคตของอุตสาหกรรม AI โดยเปรียบเทียบสถานการณ์ปัจจุบันของ AI กับยุคฟองสบู่ดอทคอมในช่วงทศวรรษ 1990 และทำนายว่า 99% ของบริษัท AI จะล้มเหลวในที่สุด การคาดการณ์ที่น่าหดหู่นี้เกิดขึ้นในช่วงที่การลงทุนในสตาร์ทอัพ AI กำลังพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยมีบริษัทร่วมลงทุนอย่าง Y Combinator ให้การสนับสนุนบริษัทที่มุ่งเน้นด้าน AI อย่างมาก
การทำนายถึงการล้มครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมของ Li สร้างคำถามเกี่ยวกับความยั่งยืนของกระแส AI ในปัจจุบัน ในขณะที่บางคนมองว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของวิวัฒนาการทางเทคโนโลยีตามธรรมชาติ แต่บางคนกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจและการสูญเสียนวัตกรรมหากภาคส่วนใหญ่ของอุตสาหกรรมล่มสลาย
ซีอีโอของ Baidu ยังได้กล่าวถึงผลกระทบระยะยาวของ AI โดยประเมินว่าอาจต้องใช้เวลา 10 ถึง 30 ปีก่อนที่ AI จะเข้ามาแทนที่งานของมนุษย์อย่างมีนัยสำคัญ เขาเรียกร้องให้บริษัท องค์กร รัฐบาล และปัจเจกบุคคลเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตลาดแรงงาน
ขณะที่ภูมิทัศน์ของ AI ยังคงพัฒนาอย่างรวดเร็ว ความเห็นของ Li ชี้ให้เห็นถึงความท้าทายที่ซับซ้อนที่อุตสาหกรรมกำลังเผชิญ แม้ว่าความก้าวหน้าในความสามารถของ AI จะปฏิเสธไม่ได้ แต่คำถามเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือ ความเป็นไปได้ทางเศรษฐกิจ และผลกระทบต่อสังคมยังคงเป็นประเด็นสำคัญของการสนทนา
ผู้เชี่ยวชาญเตือนถึงการพึ่งพาระบบ AI มากเกินไป โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการกำกับดูแลและตรวจสอบโดยมนุษย์อย่างต่อเนื่อง ดังที่ผู้วิจารณ์ในอุตสาหกรรมคนหนึ่งได้กล่าวว่า ใครก็ตามที่บอกว่าผลลัพธ์จาก LLM ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบ เขาคนนั้นกำลังโกหกอย่างจงใจ หรือไม่ก็แค่ถามคำถามพื้นฐานง่ายๆ เท่านั้น
ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เราจะได้เห็นการแข่งขันที่เข้มข้นและการควบรวมกิจการในภาคส่วน AI ขณะที่บริษัทต่างๆ แข่งขันกันพัฒนาระบบที่แม่นยำและน่าเชื่อถือมากขึ้น พร้อมกับการค้นหาโมเดลธุรกิจที่ยั่งยืน เมื่ออุตสาหกรรมเติบโตขึ้น เราจะได้เห็นว่าคำทำนายของ Li เกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของ AI และพลวัตของตลาดจะเป็นจริงหรือไม่