ฟีเจอร์ Windows Recall ที่เป็นประเด็นถกเถียงของ Microsoft ใกล้เปิดตัวแล้ว

BigGo Editorial Team
ฟีเจอร์ Windows Recall ที่เป็นประเด็นถกเถียงของ Microsoft ใกล้เปิดตัวแล้ว

ฟีเจอร์จับภาพหน้าจอที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของ Microsoft ที่เคยเผชิญกับความล่าช้าหลายครั้งเนื่องจากปัญหาด้านความปลอดภัย ดูเหมือนจะกลับมาคืบหน้าอีกครั้ง หลังจากการเลื่อนกำหนดการและการปรับปรุงหลายครั้ง ตอนนี้ Windows Recall กำลังถูกปล่อยให้กับ Insiders มากขึ้น ซึ่งบ่งชี้ว่าการเปิดตัวในวงกว้างอาจใกล้เข้ามาแล้ว

ประวัติอันเป็นประเด็นถกเถียงของ Windows Recall

Windows Recall ถือเป็นหนึ่งในฟีเจอร์ที่สร้างข้อถกเถียงมากที่สุดของ Microsoft ในช่วงที่ผ่านมา เดิมทีมีกำหนดเปิดตัวบนคอมพิวเตอร์ Copilot+ ในเดือนมิถุนายน 2024 ฟีเจอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อจับภาพหน้าจอทุกอย่างที่ผู้ใช้ทำบนคอมพิวเตอร์ของพวกเขา สร้างประวัติการใช้งานแบบภาพที่สามารถค้นหาได้ ฟังก์ชันนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้นหาการใช้งานคอมพิวเตอร์ก่อนหน้านี้ด้วยคำถามภาษาธรรมชาติ และแสดงผลลัพธ์ในไทม์ไลน์ตามลำดับเวลา อย่างไรก็ตาม ผลกระทบด้านความเป็นส่วนตัวของฟีเจอร์ดังกล่าวได้สร้างความกังวลทันทีในหมู่นักวิจัยด้านความปลอดภัยและผู้ใช้ ทำให้ Microsoft ต้องเลื่อนการเปิดตัวหลายครั้งเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้

การปล่อยให้กับ Windows Insiders ล่าสุด

Microsoft ได้ประกาศว่าเวอร์ชันพรีวิวของ Recall กำลังถูกแจกจ่ายให้กับ Insiders ใน Release Preview Channel บน Windows 11 เวอร์ชัน 24H2 การขยายการทดสอบอย่างค่อยเป็นค่อยไปนี้แสดงให้เห็นว่าบริษัทกำลังมีความมั่นใจมากขึ้นในความพร้อมของฟีเจอร์นี้สำหรับการใช้งานในวงกว้าง ก่อนหน้านี้ ฟีเจอร์นี้เคยถูกปล่อยให้กับ Windows Insiders ใน Dev Channel สำหรับคอมพิวเตอร์ Qualcomm Copilot Plus ในเดือนพฤศจิกายน ตามด้วยคอมพิวเตอร์ Copilot Plus ที่ขับเคลื่อนด้วย Intel และ AMD ในเดือนธันวาคม

ไทม์ไลน์การเปิดตัว Windows Recall:

  • เดิมกำหนดเปิดตัวในเดือนมิถุนายน 2024 บนเครื่อง Copilot+ PCs
  • เลื่อนออกไปเนื่องจากความกังวลด้านความปลอดภัย
  • ปล่อยเวอร์ชันพรีวิวให้กับผู้ใช้ Dev Channel Insiders บนเครื่อง Qualcomm Copilot+ PCs ในเดือนพฤศจิกายน
  • ขยายไปยังเครื่อง Intel และ AMD Copilot+ PCs ในเดือนธันวาคม
  • ปัจจุบันกำลังทยอยปล่อยให้กับผู้ใช้ Release Preview Channel Insiders

มาตรการความปลอดภัยและการควบคุมของผู้ใช้

เพื่อตอบสนองต่อความกังวลด้านความเป็นส่วนตัว Microsoft ได้นำมาตรการความปลอดภัยหลายอย่างมาใช้กับ Windows Recall ผู้ใช้ต้องเลือกเข้าร่วมอย่างชัดเจนเพื่อเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ และต้องลงทะเบียนใน Windows Hello สำหรับการยืนยันตัวตน เพื่อให้มั่นใจว่ามีเพียงผู้ใช้ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงภาพหน้าจอที่เก็บไว้ได้ ระบบยังมีตัวเลือกให้กรองแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์เฉพาะไม่ให้ถูกจับภาพ และอนุญาตให้ผู้ใช้ลบภาพสแนปช็อตที่เก็บไว้ได้ Microsoft อ้างว่าข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เช่น รหัสผ่านและข้อมูลทางการเงิน จะถูกยกเว้นจากการจับภาพโดยอัตโนมัติ แม้ว่าเวอร์ชันก่อนหน้านี้จะยังคงจับภาพหมายเลขบัตรเครดิตและหมายเลขความปลอดภัยจนถึงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา

คุณสมบัติด้านความปลอดภัย:

  • ผู้ใช้ต้องเลือกเปิดใช้งานเอง
  • ต้องใช้การยืนยันตัวตนผ่าน Windows Hello
  • สามารถกรองแอปหรือเว็บไซต์เฉพาะได้
  • มีตัวเลือกในการลบภาพสแนปช็อตที่จัดเก็บไว้
  • กีดกันข้อมูลที่ละเอียดอ่อนโดยอัตโนมัติ (รหัสผ่าน, ข้อมูลทางการเงิน)

การตอบรับของผู้ใช้และข้อจำกัดของแพลตฟอร์ม

ข้อเสนอแนะเบื้องต้นจาก Windows Insiders ที่ได้ทดสอบ Recall มีความหลากหลาย โดยมีปฏิกิริยาตั้งแต่การยอมรับอย่างกระตือรือร้นไปจนถึงการปฏิเสธโดยสิ้นเชิง ผู้ใช้บางคนดูเหมือนจะชื่นชมฟังก์ชันการทำงาน ในขณะที่คนอื่นๆ ยังคงกังวลเกี่ยวกับผลกระทบด้านความเป็นส่วนตัว สิ่งที่ควรทราบคือ Windows Recall ยังคงเป็นฟีเจอร์เฉพาะสำหรับคอมพิวเตอร์ Copilot+ เท่านั้น ซึ่งจำกัดการใช้งานเฉพาะฮาร์ดแวร์ใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการทำงานของ AI โดยเฉพาะ Microsoft เน้นย้ำว่าการประมวลผลและการจัดเก็บข้อมูลทั้งหมดสำหรับ Recall เกิดขึ้นในอุปกรณ์เท่านั้น ไม่ใช่บนคลาวด์ ซึ่งอาจช่วยบรรเทาความกังวลด้านความเป็นส่วนตัวได้บางส่วน

อนาคตของ Windows Recall

ในขณะที่ Microsoft ยังคงปรับปรุง Windows Recall ตามข้อเสนอแนะของ Insider ฟีเจอร์นี้ถือเป็นการเดิมพันครั้งสำคัญกับเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพที่เสริมด้วย AI ที่กำลังจะกลายเป็นกระแสหลัก บริษัทเชื่อมั่นอย่างชัดเจนว่าความสามารถในการค้นหาประวัติการใช้งานคอมพิวเตอร์ของคุณโดยใช้ภาษาธรรมชาติจะมีคุณค่าเพียงพอที่จะเอาชนะข้อกังวลด้านความเป็นส่วนตัวในช่วงแรก อย่างไรก็ตาม การล่าช้าหลายครั้งและการปรับเปลี่ยนอย่างต่อเนื่องแสดงให้เห็นว่า Microsoft กำลังดำเนินการด้วยความระมัดระวัง โดยตระหนักถึงปฏิกิริยาตอบกลับที่อาจเกิดขึ้นหากไม่ได้แก้ไขปัญหาด้านความปลอดภัยอย่างเพียงพอก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ